วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2557

แสงจันทร์




   
 แสงจันทร์ เป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลาง ลำต้นมีความสูงประมาณ 5-10 เมตร ผิวเปลือกลำต้นสีขาวเทา ผิวลำต้นเรียบ ลำต้นและกิ่งเจริญออกไปรอบต้นใบสีเหลืองอมเขียวอ่อน ปลายใบแหลมขอบใบเรียบ ใบเป็นใบเดี่ยว แตกออกตามข้อของกิ่ง เนื้อใบมองเห็นเส้นใบได้ชัด ใบบางนิ่ม ขนาดความกว้างของใบประมาณ 10-15 เซนติเมตร ยาวประมาณ 20-30 เซนติเมตรดอกออกเป็นช่อช่อดอกประกอบด้วยดอกเล็กๆติดอยู่ที่ก้านดอกประมาณ 10 - 15 ดอกมี 5 กลีบสีขาวช่อดอกจะออกตามปลายยอด

ต้นหูกระจง (แผ่บารมี)





    
  ต้นหูกระจง เป็นไม้ประดับชนิดหนึ่ง ที่มีการเจริญเติบโตเร็ว และมีอายุยืน ทั้งยังเป็นไม้ที่มีทรงพุ่มสวยงามแตกกิ่งเป็นชั้น ๆ โดยในแต่ละชั้นจะห่างกันประมาณ 50 - 100 เซนติเมตร และใบของต้นหูกระจงหนามจะเป็นเงา และแน่นกว่าเหมาะที่จะปลูกเป็นไม้ กระถาง นอกจากนี้ แม้ต้นหูกระจงเป็นไม้ผลัดใบ แต่จะผลัดใบน้อยกว่าหูกวาง สำหรับดอกของต้นหูกระจง จะมีสีขาวคล้ายดอกกระถินณรงค์ ส่วนเมล็ดหูกระจงจะคล้ายกับเมล็ดพุทรา

กล้วยพัด






     เป็นพืชชนิดหนึ่งที่มีลักษณะโดดเด่น มีลำต้นคล้ายปาล์มแต่ก็มิใช่ปาล์ม แม้ว่ามีใบคล้ายกล้วย แต่ก็ไม่ใช่กล้วยแม้ว่าจะอยู่ในวงศ์เดียวกันกับกล้วย แต่ก็อยู่ในสกุลต่างกันและมีลักษณะร่วมกันไม่มากนัก แท้จริงแล้วกล้วยพัดเป็นพืชในสกุลเดียวกับปักษาสวรรค์ และเป็นพืชที่เรียกว่าโมโนไทพิกนั่นคือ มีเพียงชนิดเดียวของสกุลนี้ ลักษณะกล้วยพัดมีความโดดเด่นที่ใบเรียงตั้งขึ้นคล้ายพัดจีนเป็นพืชพื้นเมืองของเกาะมาดากัสการ์ ในมหาสมุทรอินเดียส่วนในประเทศไทยนั้นมีตั้งแต่สมัยใดไม่ปรากฏหลักฐานปัจจุบันมีการปลูกกล้วยพัดในสถานที่ต่างๆ มากมายเพราะมีลักษณะลำต้นไม่ใหญ่เกินไป รูปทรงสวยงาม ดูแลง่ายและไม่ทิ้งกิ่งก้านหรือใบให้เกะกะกล้วยพัดเป็นพืชมีเหง้ามีก้านใบยาว ใบสีเข้ม ยื่นดิ่งขึ้นจากโคนต้น ยาวเต็มที่ราว 3 เมตรและกว้างราว 25-50 เซนติเมตร มีเหง้าฝังอยู่ใต้ดินเมื่อโตขึ้นจึงโผล่พ้นดิน แผ่ใบเป็นสมมาตร รวมความสูงทั้งหมดเต็มที่ 9-18 เมตรเลยทีเดียว ส่วนขนาดลำต้นนั้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางราว 30 เซนติเมตร ตรงโคนใบมีลักษณะโค้งอุ้มน้ำได้มากถึง 1ลิตร ด้วยเหตุนี้จึงมีชื่อว่าtraveller’s tree หรือ traveller’s palm เพราะนักเดินทางสามารถดื่มน้ำจากหลายๆ ส่วนของพืชชนิดนี้ ทั้งที่ซอกโคนใบและช่อดอกของกล้วยพัด ได้อย่างดี ดอกของกล้วยพัดมีสีขาวขุ่น ขนาดเล็ก กระจุกเป็นช่อ มีช่อดอกยาวถึง 30 เซนติเมตร ออกดอกได้ตลอดปี และมีผลสีน้ำตาล ภายในมีเมล็ดสีฟ้า

วันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ลีลาวดี (ลั่นทม)





    ต้นลีลาวดี สามารถเจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่กันดาร ดินไม่อุดมสมบูรณ์มากนัก แต่ถ้าต้องการให้ลีลาวดีออกดอกได้ดีควรนำไปปลูกในกระถางและใช้ดินที่เป็นกรดเหมือนกับพืชเขตร้อนทั่วไป ลีลาวดีชอบความชื้นในอากาศสูงและไม่ชอบอยู่ในดินที่มีน้ำท่วมขังหรือมีการรดน้ำบ่อยครั้ง การปลูกควรเน้นการระบายน้ำหรือการยกร่องในแปลงปลูกเป็นหลัก ลีลาวดีเป็นพืชที่ต้องการแสงแดดในเวลากลางวันอย่างน้อยครึ่งวัน แต่หลายชนิดต้องการแสงแดดเต็มวัน ยกเว้นบางชนิดที่มีดอกสีแดงซึ่งจะชอบการพรางแสงมากกว่า

ลีลาวดี จะเติบโตอย่างดีต่อวัสดุปลูกที่มีความอุดมสมบูรณ์ ระบายน้ำดี มีอินทรียวัตถุสูง และได้รับปุ๋ยเสริมตามความเหมาะสม สัดส่วนการปลูกที่แนะนำโดยทั่วไปคือ ใช้มูลวัวที่ย่อยสลายแล้ว,ใบไม้ผุ และดิน ในอัตราส่วน 2:1:1 แต่วัสดุปลูกที่มีขนาดเล็กละเอียดเมื่อถึงระยะหนึ่งจะอัดตัวแน่นทำให้รากพืชขาดออกซิเจน น้ำขังไม่สามารถระบายได้ ทำให้เกิดโรครากเน่าได้

พิกุล








     ต้นพิกุล จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ไม่ผลัดใบ มีความสูงของต้นประมาณ 10-25 เมตร ลำต้นแตกกิ่งก้านเป็นพุ่มกว้างหนาทึบ เปลือกต้นเป็นสีเทาอมสีน้ำตาลและแตกเป็นรอยแตกระแหงตามแนวยาว ทั้งต้นมีน้ำยางสีขาว ส่วนกิ่งก่อนและตามีขนสีน้ำตาลขึ้น     ปกคลุม ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง และวิธีการปักชำกิ่ง ชอบขึ้นในพื้นที่ดินดี ชอบแสงแดดจัด ทนทานต่อสภาพน้ำท่วมขังได้นานถึง 2 เดือน[1],[2],[4],[6],[7],[8] (เปลือกต้น พบว่ามีสารในกลุ่มไตรเทอร์ปีน ได้แก่ Beta amyrin, Betulinic acid, Lupeol, Mimusopfarnanol, Taraxerone, Taraxerol, Ursolic acid, สารในกลุ่มกรดแกลลิค ได้แก่ Phenyl propyl gallate, น้ำมันหอมระเหย ได้แก่ Cadinol, Diisobutyl phthalate, Hexadecanoic acid, Octadecadienoic acid, Taumuurolol, Thymol)[4]

กระดังงาสงขลา/กระดังงาไทย






 ต้น ไม้พุ่ม สูง 1-2.5 เมตร
     ใบ เดี่ยว เรียงสลับออกเป็นพุ่มแน่นทึบ รูปใข่หรือรูปขอบขนาน กว้าง 7-9 ซม. ยาว 10-18 ซม.
     ดอก ดอกจะมีทั้งดอกเดี่ยวและดอกช่อ โดยดอกจะออกเป็นกลุ่มๆ ที่บริเวณปลายกิ่ง ดอกมีสีเขียวแกมเหลืองออกดอกตลอดปี ลักษณะดอกจะมีกลีบดอกยาวเรียว บิดเป็นเกลียวเล็กน้อยและอ่อนนิ่ม จำนวนกลีบดอกประมาณ 15 - 24 กลีบ เรียงตัวเป็นชั้น ชั้นละประมาณ 3 กลีบ ความกว้างของกลีบดอกประมาณ 0.5 - 1.8 Cm ยาว 5 - 9 Cm ตอนเป็นดอกอ่อนจะมีสีเขียวอ่อน เมื่อแก่จะเปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองทอง เมื่อดอกหลุดร่วงก็จะให้ผล ลักษณะคล้ายดอกกระดังงาไทย แต่ขนาดเล็กกว่า กลีบกระดังงาสงขลาบิดเป็นเกลียวมากกว่า และกลิ่นหอมน้อยกว่า แต่มีดอกดกกว่ากระดังงาไทย
     ฝัก/ผล เป็นกลุ่มผล ผลกลม ผลอ่อน สีเขียว ผลแก่ สีแดงอมม่วง
     เมล็ด มีเมล็ดหลายเมล็ด
ฤดูกาลออกดอก: ออกดอกตลอดปี
การปลูก:  ชอบแสงสว่าง และความชุ่มชื้นของดินสูง ต้องปลูกในที่แจ้งถึงจะให้ดอก หากนำไปปลูกในที่ร่มจะทำให้ลำต้นยาวเรียวไม่แข็งแรง แตกกิ่งน้อยและไม่ค่อยจะออกดอก 
การดูแลรักษา: การรดน้ำตอนเล็กๆ ก็รดน้ำวันละสองครั้งเช้า - เย็น พอโตขึ้นอาจจะรดวันละครั้งก็ได้

ซ่อนกลิ่น







    ซ่อนกลิ่น เป็นพรรณไม้ล้มลุกชนิดหนึ่ง ประเภทใบเลี้ยงเดี่ยว มีดอกสีขาว กลิ่นหอม มีหัวอยู่ใต้ดิน อยู่ในวงศ์ Amaryllidaceae ส่วนชื่อสามัญคือ Tuberose มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาใต้ มักขึ้นได้ดีในดินที่ระบายน้ำได้สะดวก
     ซ่อนกลิ่นเป็นไม้ตัดดอกที่ปลูกกันมานานแล้วในประเทศไทย ซึ่งส่วนใหญ่ใช้ในการบูชาพระและประดับในงานศพ ฉะนั้นบางคนจึงไม่นิยมปลูกประดับบ้าน เพราะถือว่าไม่เป็นมงคล ปัจจุบันความเชื่อถือเหล่านั้นได้ลดลงไปแล้ว ในพื้นที่ที่มีการประมงนิยมนำซ่อนกลิ่นมาใช้ในการเซ่นไหว้แม่ย่านางเรือก่อนออกจับปลาด้วยนอกจากนี้ในประเทศฮ่องกง สิงคโปร์ ก็นิยมใช้ซ่อนกลิ่นในการเซ่นไหว้เช่นกันประเทศญี่ปุ่นนิยมใช้ในการปลูกประดับตกแต่งสถานที่ทั้งสามประเทศนี้ได้นำเข้าจากประเทศไทยเป็นส่วนมาก สำหรับพื้นที่ปลูกในประเทศไทยส่วนมากอยู่บริเวณเขตรอบนอกกรุงเทพฯ เช่น เขตหนองแขม เขตภาษีเจริญ และในจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น อุดรธานี หนองคาย ขอนแก่น เนื่องจากดอกซ่อนกลิ่นมีกลิ่นหอมเย็นเช่นเดียวกับ จำปี จำปา มะลิจึงอาจจะใช้ในการสกัดน้ำหอมระเหยได้